วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ฆ่าเพื่อป้องกันเกินกว่าเหตุ


           
            โดยหลักกฎหมายแล้วเรามีสิทธิที่จะปกป้องตนเอง  หรือผู้อื่นให้พ้นจากภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้าย  หากเป็นภัยที่ใกล้จะถึงแต่ต้องกระทำให้พอสมควรแก่เหตุจึงจะไม่มีความผิด  แต่ถ้าหากเรากระทำการป้องกันไปแล้วและเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ  แน่นอนว่าการกระทำของเราย่อมมีความผิดต้องรับโทษตามกฎหมาย  สำหรับการป้องกันเกินกว่าเหตุนี้ก็มีข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริงอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาไว้แล้ว  และเราสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อป้องกันตนเองและผู้อื่นได้
            ข้อเท็จจริงก็มีอยู่ว่า  ผู้ตายขับรถเข้ามาในบริเวณบ้านของนายเหี้ยม  เพื่อบังคับนางสาวสวย  ซึ่งเป็นบุตรนายเหี้ยม   และเคยเป็นภริยาของผู้ตายให้ไปอยู่กินด้วยกัน  นายเหี้ยมได้พูดจาห้ามปราม  แต่ผู้ตายไม่ฟังลงจากรถแล้วถืออาวุธมีดยาว  ๑๒  นิ้ว  เดินไปหานายเหี้ยม  นายเหี้ยมเลยวิ่งไปบนบ้านหยิบปืนยาวกึ่งอัตโนมัติขนาด  .๒๒  ซึ่งเป็นอาวุธที่นายเหี้ยมได้รับอนุญาตให้มีและใช้  ซึ่งเป็นอาวุธที่ปกติใช้ยิงนกหรือสัตว์ขนากเล็ก  เพื่อห้ามปรามมิให้ผู้ตายทำร้ายและทำลายทรัพย์สินนายเหี้ยม  และบังคับให้นางสาวสวยไปอยู่กับผู้ตาย  นางสาวสวยได้โอบกอดผู้ตายไว้เพื่อมิให้ผู้ตายทำร้ายนายเหี้ยม  แต่ผู้ตายได้สะบัดตัวหลุด  และเดินถือมีดเข้าหานายเหี้ยมเพื่อทำร้ายโดยห่างประมาณ    วา  นายเหี้ยมเลยยิงไปที่ผู้ตายหนึ่งนัด  แต่ผู้ตายยังเดินมาหานายเหี้ยมอีกเลยยิงไปอีกสองนัดติดต่อกัน  ผู้ตายล้มลงหลังจากนั้นผู้ตายนอนหงาย  นายเหี้ยมเดินเข้าไปยิงซ้ำอีก    นัด  ผู้ตายถึงแก่ความตาย
            ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า  นายเหี้ยมมีความผิด  จำคุก  ๑๕  ปี  แต่นายเหี้ยมสารภาพ  มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง  จำคุก    ปี    เดือน  ริบอาวุธปืนและปลอกกระสุน          นายเหี้ยมอุทธรณ์
            ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า  นายเหี้ยมกระทำการป้องกันตนเองพอสมควรแก่เหตุ  จึงไม่มีความผิด  ให้ยกฟ้อง
            ฝ่ายผู้ตายเลยยื่นฎีกา 
            ศาลฎีกาพิพากษาว่า  ประการแรก  ศาลบอกว่า  บ้านและบริเวณบ้านเป็นเคหสถานไม่ควรถูกบุคคลอื่นรุกล้ำเข้ามากระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ผู้อยู่อาศัยไม่จำต้องหลบหนีจากเคหสถานของตนที่มีสิทธิอยู่อาศัย  หากต้องหนีแล้วเสรีภาพของนายเหี้ยมก็จะถูกกระทบกระเทือน
            ประการที่สอง  ศาลบอกว่า  ผู้ตายเดินเข้าหานายเหี้ยมห่าง    วา  โดยมีอาวุธยาวถือว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง  มีสิทธิป้องกันได้  เพราะหากปล่อยให้ผู้ตายมาใกล้กว่านี้  นายเหี้ยมย่อมขัดข้องในการยิงป้องกันตัว
            ประการที่สาม  ศาลบอกว่า  นายเหี้ยมยิงไปที่ผู้ตายหนึ่งนัด  แต่ผู้ตายยังเดินเข้ามาหานายเหี้ยมอีก  การยิงของนายเหี้ยมไปอีก    นัด  ผู้ตายล้มลง  จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุในภาวะและวิสัยเช่นนั้น
            ประการที่สี่  ศาลบอกว่า  การที่ผู้ตายล้มลงนอนหงายแล้ว  นายเหี้ยมเดินเข้าไปยิงผู้ตายอีก    นัด  จนถึงแก่ความตายเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ  พิพากษาจำคุกนายเหี้ยมมีกำหนด    ปี  ริบอาวุธปืนและปลอก  
            คำพิพากษาศาลฎีกาข้างต้น  เราสามารถนำไปใช้เพื่อการป้องกันตนเองหรือผู้อื่นได้  คือ  ยิงเพียง    นัด  หากยังเข้ามาเพื่อจะทำร้ายเราอีกก็สามารถยิงได้อีก    นัด  จึงจะเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย  ไม่มีความผิด  แต่เมื่อยิงไปแล้ว    นัด  ผู้ตายล้มลงนอนหงายแล้ว  หากเราไปยิงซ้ำอีก  ไม่ว่า    หรือ    นัด  หรือมากกว่านั้น  ก็จะเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุเพราะเขาไม่มีทางสู้แล้วยังไปยิงซ้ำ  จึงเป็นการกระทำที่เกินไปกว่าเหตุ  ผู้กระทำต้องรับโทษเหมือนเช่นในคดีนี้


1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ17 กรกฎาคม 2557 เวลา 06:39

    ป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
    ๑. เปรียบเทียบสัดส่วนระหว่างภยันตรายที่ใกล้จะถึง กับวิธีการป้องกัน ว่าเหมาะสมกันหรือไม่
    ๒. วิธีการป้องกันจะต้องเลือกวิถีทางที่น้อยที่สุดเพื่อคุ้มครองสิทธิของตนเอง

    ตอบลบ