การเลิกรับบุตรบุญธรรมนั้น ก็มีอยู่ด้วยกัน 3 กรณี
กรณีแรก บุตรบุญธรรม กับผู้รับบุตรบุญธรรม ตกลงเลิกกันเอง
กรณีที่ 2 บุตรบุญธรรม สมรสกับผู้รับบุตรบุญธรรม
กรณีที่ 3 ผู้รับบุตรบุญธรรม หรือ บุตรบุญธรรมฟ้องเลิก การรับบุตรบุญธรรม
ทั้งสามกรณีนี้ก็เป็นการ เลิกรับบุตรบุญธรรม นะครับ
ส่วนการฟ้องขอให้ เลิกการรับบุตรบุญธรรม นั้น กฎหมายก็กำหนดเหตุให้ มีการฟ้องเลิกการรับบุตรบุญธรรมไว้ด้วยกัน ทั้งหมด 8 เหตุ
เหตุแรก มีอยู่ว่า ฝ่ายหนึ่งทำการชั่วร้ายเป็นเหตุให้ อีกฝ่ายหนึ่งอับอายขายหน้าย่างร้ายแรง หรือถูกเกลียดชัง หรือได้รับความเสียหายเดือดร้อนเกินควร กฎหมายก็กำหนดให้อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้อง เลิกการรับบุตรบุญธรรมได้
ตัวอย่างเช่น ผู้รับบุตรบุญธรรมเป็นเจ้าของซ่องโสเภณีเด็ก ถูกดำเนินคดีและหนังสือพิมพ์ได้ลงข่าว
เหตุที่ 2 ฝ่ายหนึ่งหมิ่นประมาท หรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่ง หรือบุพการีอย่างร้ายแรง กฎหมายก็กำหนดให้ อีกฝ่ายหนึ่งสามารถที่จะฟ้อง เลิกการรับบุตรบุญธรรมได้
- หรือถ้าบุตรบุญธรรมหมิ่นประมาท หรือเหยียดหยามคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรมอย่างร้ายแรง ผู้รับบุตรบุญธรรมก็สามารถที่จะฟ้อง เลิกการรับบุตรบุญธรรมได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น บุตรบุญธรรมเรียกผู้รับบุตรบุญธรรมว่า “อ้าย” ถือว่า เป็นกรณีร้ายแรง
เหตุที่ 3 ฝ่ายหนึ่งประทุษร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง หรือบุพการี หรือคู่สมรส จนเกิดอันตราย ต่อกาย หรือจิตใจอย่างร้ายแรง กฎหมายก็กำหนดให้อีกฝ่ายหนึ่งนั้น สามารถที่จะฟ้อง เลิกการรับบุตรบุญธรรมได้ ตัวอย่างเช่น ใช้ปืนยิงบิดา ผู้รับบุตรบุญธรรม
เหตุที่ 4 ฝ่ายหนึ่งไม่อุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ง กฎหมายก็กำหนดให้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้น สามารถที่จะฟ้อง เลิกการรับบุตรบุญธรรมได้
เหตุที่ 5 ฝ่ายหนึ่งทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี กฎหมายก็กำหนดให้อีกฝ่ายหนึ่งนั้น สามารถที่จะฟ้อง เลิกการรับบุตรบุญธรรมได้ ตัวอย่างเช่น หนีไปอยู่ที่อื่นไม่ติดต่อกลับส่งข่าวมา หาผู้รับบุตรบุญธรรม
เหตุที่ 6 ฝ่ายหนึ่งต้องคำพิพากษาถึงที่สุด ให้จำคุกเกิน 3 ปี โดยมิใช่ความผิดที่กระทำโดยประมาท กฎหมายก็กำหนดให้อีกฝ่ายหนึ่ง สามารถที่จะฟ้อง เลิกการรับบุตรบุญธรรมได้
เหตุที่ 7 ผู้รับบุตรบุญธรรมทำผิดหน้าที่บิดามารดา เป็นเหตุให้เกิด หรืออาจจะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ต่อบุตรบุญธรรม กฎหมายก็กำหนดให้บุตรบุญธรรม สามารถที่จะฟ้องเลิกการรับบุตรบุญธรรมได้ ตัวอย่างเช่น ผู้รับบุตรบุญธรรมนำที่ดินของบุตรบุญธรรมไปขายโดยไม่ขออนุญาตศาล หรือว่าบุตรบุญธรรมเจ็บป่วยไม่พาไปหาหมอ
ทีนี้เรามาดูเหตุสุดท้าย เหตุที่ 8 ผู้รับบุตรบุญธรรมถูกถอนอำนาจปกครองบางส่วน หรือว่าทั้งหมด อันเนื่องมาจากเป็นผู้ที่ไม่สมควรที่จะเป็นผู้รับบุตรบุญธรรม กฎหมายก็กำหนดให้บุตรบุญธรรม สามารถที่จะฟ้อง เลิกการรับบุตรบุญธรรมได้
ที่พูดมาทั้ง 8 เหตุนี้ ก็เป็นเหตุตามกฎหมายที่กำหนดให้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นบุตรบุญธรรม หรือผู้รับบุตรบุญธรรม สามารถที่จะนำเอาเหตุทั้งแปดเหตุนี้ ไปฟ้องขอให้ เลิกการรับบุตรบุญธรรมได้
เช่นเคยเราก็มีคดีตัวอย่างมาเล่าให้ท่านผู้ฟังได้ฟังกัน
เรื่องนี้มีข้อเท็จจริงอยู่ว่า นายรักเด็กกับนางใจดีเป็นสามีภริยากัน นางใจดีได้จดทะเบียนรับเด็กหญิงสวยเป็นบุตรบุญธรรม ส่วนนายรักเด็กเป็นเพียงผู้ให้ความยินยอมในการรับบุตรบุญธรรม
ต่อมานางใจดี ได้ถึงแก่ความตาย เด็กหญิงสวยก็เลยทิ้งร้างนายรักเด็ก ไปอยู่กับบิดามารดาเดิม ของตนเกินกว่า 1 ปี
นายรักเด็กเลยฟ้อง ขอให้เลิกการรับบุตรบุญธรรม ระหว่างตนเองกับเด็กหญิงสวยต่อศาล
ท่านผู้ฟังว่า นายรักเด็กจะฟ้องขอให้เลิกการรับบุตรบุญธรรม ระหว่างตนเองกับเด็กหญิงสวย ได้ไหมครับ?
เรื่องนี้ ศาลบอกว่า
นายรักเด็กแม้เป็นเพียงผู้ให้ความยินยอมให้นางใจดี รับเด็กหญิงสวยเป็นบุตรบุญธรรม นายรักเด็กก็มีสิทธิฟ้องขอขอให้เลิกการรับบุตรบุญธรรม ระหว่างตนเองกับเด็กหญิงสวยได้ เมื่อเด็กหญิงสวยจงใจทิ้งร้างนายรักเด็กนั้น ไปเกินกว่าหนึ่งปีต่อเนื่องกัน โดยไม่กลับมาอยู่กับนายรักเด็ก
เรื่องนี้ก็สรุปได้ว่า
สามีผู้ให้ความยินยอมให้ภริยารับบุตรบุญธรรม แม้นว่า ไม่ได้เป็นผู้จดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมเอง ก็มีสิทธิฟ้องขอให้เลิกการรับบุตรบุญธรรมได้
ส่วนอายุความในการฟ้องขอให้ เลิกการรับบุตรบุญธรรม นั้น กฎหมายบอกว่า
- ห้ามฟ้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันที่ผู้ขอเลิก การรับบุตรบุญธรรมรู้ถึงเหตุ ที่ให้เลิกการรับบุตรบุญธรรม
- หรือเมื่อพ้นกำหนดสิบปีนับแต่เหตุนั้นได้เกิดขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น