หนี้ร่วมระหว่างสามีภริยาคือหนี้ประเภทใด เมื่อเป็นหนี้ร่วมแล้วต้องร่วมรับผิดกันอย่างไร ท่านผู้อ่านครับหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยานั้นจะเกิดขึ้นได้ สามีและภริยาในที่นี้ต้องเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย คือ ต้องจดทะเบียนสมรสกันก่อนแล้วจึงมาก่อหนี้ร่วมกัน จึงจะเกิดเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยา ส่วนการร่วมกันนั้นก็อาจจะเป็นลูกหนี้ร่วมกัน หรือเป็นหนี้ที่สามี หรือภริยาก่อให้เกิดขึ้นในระหว่างสมรส เช่นว่า
๑) หนี้ที่เกี่ยวกับการจัดการบ้านเรือน หนี้ที่เกี่ยวกับการจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัว หนี้ที่เกี่ยวกับการอุปการะเลี้ยงดูบุตร ภริยา หรือสามี หนี้ที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว หรือหนี้ที่เกี่ยวกับการศึกษาของบุตรตามสมควรแก่อัตภาพ
๒) หนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินสมรส
๓) หนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภริยาทำด้วยกัน
๔) หนี้ที่สามีหรือภริยาก่อให้เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ของตนเองฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบัน
หนี้ที่กล่าวมาข้างต้นก็เป็นหนี้ที่กฎหมายกำหนดไว้ให้เป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยา หนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกัน หรือเป็นหนี้ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก่อขึ้นในระหว่างสมรสนั้น ถ้าสามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกัน กฎหมายบอกว่า การชำระหนี้ต้องชำระเอาจากสินสมรสและสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าหากสามีหรือภริยาต้องรับผิดในหนี้นั้นเป็นการส่วนตัวเพื่อชำระหนี้ที่ตนก่อไว้ก่อนสมรส หรือในระหว่างสมรส กฎหมายบอกว่า ให้เอาชำระจากสินส่วนตัวของฝ่ายนั้นก่อน หากไม่พอชำระหนี้จึงจะให้ชำระด้วยสินสมรสที่เป็นขอฝ่ายนั้นก็คือฝ่ายที่ก่อหนี้นั่นเอง
ผู้เขียนมีคดีตัวอย่างอยู่เรื่องหนึ่งน่าสนใจมากและศาลได้มีคำพิพากษาไว้แล้ว เกี่ยวกับหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยา เรื่องนี้สามีไปกู้ยืมเงินเองเพียงฝ่ายเดียว แต่ภริยากลับไปเจรจาขอผัดผ่อนการชำระหนี้กับสามีด้วย จึงถือว่าภริยารู้เห็นและยินยอมให้สามีกู้ยืมเงินอันเป็นการให้สัตยาบัน
ข้อเท็จจริงก็มีอยู่ว่า นายแดงจดทะเบียนสมรสกับนางชมพู ทั้งสองมีบ้านเป็นสินสมรสอยู่ ๑ หลัง นายแดงได้เป็นหนี้เงินกู้นายหลากสี และศาลได้มีคำพิพากษาให้นายแดงชำระหนี้นายหลากสีเป็นเงินจำนวน ๖๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่า หนี้ที่นายแดงได้ก่อนั้นเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นในระหว่างสมรส โดยในขณะที่นายแดงไปกู้ยืมเงินจากนายหลากสีนั้น นางชมพูไม่ได้ร่วมกู้ หรือร่วมอยู่ด้วยในวันทำสัญญา แต่นางชมพูได้เคยพานายแดงไปบ้านของนายหลากสีหลายครั้งเพื่อขอเจรจาผัดผ่อนหนี้กับนายหลากสี เมื่อนายแดงไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา นายหลากสีจึงได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดบ้านของนายแดงออกขายทอดตลาด
นางชมพูภริยาของนายแดงทราบจึงยื่นคำร้องต่อศาลว่า ตนเป็นภริยาของนายแดงและเป็นเจ้าของรวมบ้านที่ถูกยึด ไม่มีส่วนรู้เห็นในหนี้สินของนายแดง ขอให้กันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดบ้านให้นางชมพูกึ่งหนึ่ง นายหลากสีจึงได้ยื่นคำคัดค้านว่า นางชมพูมิใช่ภริยาของนายแดง บ้านที่ยึดนั้นเป็นบ้านของนายแดง นางชมพูทราบดีอยู่แล้วว่านายแดงเป็นหนี้เงินกู้ยืมของนายหลากสี นางชมพูจึงไม่มีสิทธิขอกันส่วน
เรื่องนี้ ศาลบอกว่า ประการแรก นายแดงกู้เงินนายหลากสีในระหว่างที่นายแดงกับนางนางชมพูเป็นสามีภริยากัน หนี้ที่ก่อให้เกิดขึ้นนั้นจึงเป็นหนี้ในระหว่างสมรส
ประการที่สอง ศาลบอกว่า เมื่อเป็นหนี้ในระหว่างสมรสแล้ว แม้นว่าในขณะทำสัญญากู้ยืมเงิน นางชมพูจะไม่อยู่ด้วยและไม่ปรากฏว่า นายแดงนำเงินกู้มาใช้ในกิจกรใดในครอบครัว แต่เมื่อนางชมพูขับรถพานายแดงซึ่งเป็นสามี ไปเจรจาขอผัดผ่อนการชำระหนี้เมื่อนายหลากสีทวงถามหลายครั้ง พฤติการณ์ของนางชมพูจึงถือได้ว่า รู้เห็นและยินยอมให้นายแดงกู้ยืมเงินนายหลากสี และถือได้ว่านางชมพูได้ให้สัตยาบันหนี้ของนายแดงผู้เป็นสามีแล้ว
คำพิพากษาของศาลข้างต้นอาจกล่าวได้โดยสรุปว่า หนี้เงินกู้ของนายแดงเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยาที่นางชมพูได้ให้สัตยาบันแล้ว นางชมพูต้องร่วมรับผิดกับนายแดงร่วมกัน ก็คือ ต้องชำระหนี้จากสินสมรส คือ บ้านที่ถูกยึดขายทอดตลาด โดยนางชมพูไม่มีสิทธิขอให้กันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเป็นของตน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น