โดยหลักกฎหมายแล้วเรามีสิทธิที่จะปกป้องตนเอง หรือผู้อื่นให้พ้นจากภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้าย หากเป็นภัยที่ใกล้จะถึงแต่ต้องกระทำให้พอสมควรแก่เหตุจึงจะไม่มีความผิด แต่ถ้าหากเรากระทำการป้องกันไปแล้วและเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แน่นอนว่าการกระทำของเราย่อมมีความผิดต้องรับโทษตามกฎหมาย สำหรับการป้องกันเกินกว่าเหตุนี้ก็มีข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริงอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาไว้แล้ว และเราสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อป้องกันตนเองและผู้อื่นได้
ข้อเท็จจริงก็มีอยู่ว่า ผู้ตายขับรถเข้ามาในบริเวณบ้านของนายเหี้ยม เพื่อบังคับนางสาวสวย ซึ่งเป็นบุตรนายเหี้ยม และเคยเป็นภริยาของผู้ตายให้ไปอยู่กินด้วยกัน นายเหี้ยมได้พูดจาห้ามปราม แต่ผู้ตายไม่ฟังลงจากรถแล้วถืออาวุธมีดยาว ๑๒ นิ้ว เดินไปหานายเหี้ยม นายเหี้ยมเลยวิ่งไปบนบ้านหยิบปืนยาวกึ่งอัตโนมัติขนาด .๒๒ ซึ่งเป็นอาวุธที่นายเหี้ยมได้รับอนุญาตให้มีและใช้ ซึ่งเป็นอาวุธที่ปกติใช้ยิงนกหรือสัตว์ขนากเล็ก เพื่อห้ามปรามมิให้ผู้ตายทำร้ายและทำลายทรัพย์สินนายเหี้ยม และบังคับให้นางสาวสวยไปอยู่กับผู้ตาย นางสาวสวยได้โอบกอดผู้ตายไว้เพื่อมิให้ผู้ตายทำร้ายนายเหี้ยม แต่ผู้ตายได้สะบัดตัวหลุด และเดินถือมีดเข้าหานายเหี้ยมเพื่อทำร้ายโดยห่างประมาณ ๑ วา นายเหี้ยมเลยยิงไปที่ผู้ตายหนึ่งนัด แต่ผู้ตายยังเดินมาหานายเหี้ยมอีกเลยยิงไปอีกสองนัดติดต่อกัน ผู้ตายล้มลงหลังจากนั้นผู้ตายนอนหงาย นายเหี้ยมเดินเข้าไปยิงซ้ำอีก ๒ นัด ผู้ตายถึงแก่ความตาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายเหี้ยมมีความผิด จำคุก ๑๕ ปี แต่นายเหี้ยมสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุก ๗ ปี ๖ เดือน ริบอาวุธปืนและปลอกกระสุน นายเหี้ยมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า นายเหี้ยมกระทำการป้องกันตนเองพอสมควรแก่เหตุ จึงไม่มีความผิด ให้ยกฟ้อง
ฝ่ายผู้ตายเลยยื่นฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษาว่า ประการแรก ศาลบอกว่า บ้านและบริเวณบ้านเป็นเคหสถานไม่ควรถูกบุคคลอื่นรุกล้ำเข้ามากระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้อยู่อาศัยไม่จำต้องหลบหนีจากเคหสถานของตนที่มีสิทธิอยู่อาศัย หากต้องหนีแล้วเสรีภาพของนายเหี้ยมก็จะถูกกระทบกระเทือน
ประการที่สอง ศาลบอกว่า ผู้ตายเดินเข้าหานายเหี้ยมห่าง ๑ วา โดยมีอาวุธยาวถือว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง มีสิทธิป้องกันได้ เพราะหากปล่อยให้ผู้ตายมาใกล้กว่านี้ นายเหี้ยมย่อมขัดข้องในการยิงป้องกันตัว
ประการที่สาม ศาลบอกว่า นายเหี้ยมยิงไปที่ผู้ตายหนึ่งนัด แต่ผู้ตายยังเดินเข้ามาหานายเหี้ยมอีก การยิงของนายเหี้ยมไปอีก ๒ นัด ผู้ตายล้มลง จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุในภาวะและวิสัยเช่นนั้น
ประการที่สี่ ศาลบอกว่า การที่ผู้ตายล้มลงนอนหงายแล้ว นายเหี้ยมเดินเข้าไปยิงผู้ตายอีก ๒ นัด จนถึงแก่ความตายเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ พิพากษาจำคุกนายเหี้ยมมีกำหนด ๔ ปี ริบอาวุธปืนและปลอก
คำพิพากษาศาลฎีกาข้างต้น เราสามารถนำไปใช้เพื่อการป้องกันตนเองหรือผู้อื่นได้ คือ ยิงเพียง ๑ นัด หากยังเข้ามาเพื่อจะทำร้ายเราอีกก็สามารถยิงได้อีก ๒ นัด จึงจะเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีความผิด แต่เมื่อยิงไปแล้ว ๒ นัด ผู้ตายล้มลงนอนหงายแล้ว หากเราไปยิงซ้ำอีก ไม่ว่า ๑ หรือ ๒ นัด หรือมากกว่านั้น ก็จะเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุเพราะเขาไม่มีทางสู้แล้วยังไปยิงซ้ำ จึงเป็นการกระทำที่เกินไปกว่าเหตุ ผู้กระทำต้องรับโทษเหมือนเช่นในคดีนี้
ป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ตอบลบ๑. เปรียบเทียบสัดส่วนระหว่างภยันตรายที่ใกล้จะถึง กับวิธีการป้องกัน ว่าเหมาะสมกันหรือไม่
๒. วิธีการป้องกันจะต้องเลือกวิถีทางที่น้อยที่สุดเพื่อคุ้มครองสิทธิของตนเอง