ท่านผู้อ่านครับปกติเด็กที่เกิดจากหญิงที่มิได้ทำการสมรกันกับชายนั้น เด็กที่เกิดมาก็จะเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของหญิงมารดาเสมอ แต่จะไม่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นบิดา และหากจะให้เด็กนั้นเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นบิดา กฎหมายบอกว่า หญิงและชายนั้นต้องจดทะเบียนสมรสกัน หรือชายได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตร หรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตรของชาย หากไม่ดำเนินการดังว่ามาแล้วนั้น เด็กที่เกิดมาก็จะเป็นบุตรนอกกฎหมายของชายผู้เป็นบิดาโดยผลของกฎหมายทันที แม้นว่าในความเป็นจริงบุตรนั้นจะเป็นบุตรของตนเองก็ตาม
ส่วนบุตรนอกกฎหมายของชายผู้เป็นบิดาจะมีสิทธิเรียกค่าขาดไร้อุปการะ ในกรณีที่บิดาของตนถูกทำละเมิดถึงแก่ความตายได้หรือไม่นั้น ผู้เขียนก็มีเรื่องจริงที่พิพาทและต่อสู้คดีกันพอพอสังเขปมาเป็นตัวอย่างในฉบับนี้ ข้อเท็จจริงก็มีอยู่ว่า นายแดงเป็นบุตรนอกกฎหมายของนายเหลือง นายชมพูเป็นลูกจ้างของนายหลากสีขับรถโดยประมาทชนนายเหลืองถึงแก่ความตาย นายแดงบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว จึงฟ้องนายหลากสีให้รับผิดค่าขาดไร้อุปการะเพราะขาดบิดาซึ่งต้องเลี้ยงดูตนเองจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะต่อศาล
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นายหลากสีชำระค่าขาดไร้อุปการะแก่นายแดง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องนายแดง
ศาลฎีกาพิพากษาว่า ประการแรก ผู้ทำละเมิดให้เขาถึงตายจะรับผิดต่อบุคคลที่ต้องขาดไร้อุปการะ ก็เฉพาะแต่ผู้ตายมีหน้าที่ต้องอุปการะตามกฎหมายเท่านั้น
ประการที่สอง ไม่มีกฎหมายให้บิดาอุปการะเลี้ยงดูบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว
ประการที่สาม บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วมีสิทธิเพียงรับมรดกของบิดาได้
คำวินิจฉัยของศาลฎีกาข้างต้นทำให้เราเห็นได้ชัดเจนว่า บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วมิใช่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายตามที่กฎหมายกำหนด นายแดงจึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกค่าขาดไร้อุปการะ(ค่าอุปการะเลี้ยงดู) จากผู้ที่ทำให้บิดาของตนเองตามความเป็นจริงถึงแก่ความตายได้ เพราะบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วมีสิทธิเพียงรับมรดกของบิดาเท่านั้น